ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ? รักษาด้วยวิธีใดบ้าง
ริ้วรอยใต้ตา ปัญหากวนใจสาวๆหลายคน ริ้วรอยนี้เกิดจากออะไร และมีวิธีรักษาหรือไม่ มาดูกัน

ริ้วรอยใต้ตา เกิดจากอะไร ? รักษาด้วยวิธีใดบ้าง
ริ้วรอยใต้ตาเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยเฉพาะเมื่ออายุเพิ่มขึ้น หรือเมื่อผิวต้องเผชิญกับพฤติกรรมที่เร่งการเสื่อมของผิว เช่น การพักผ่อนน้อย เครียด หรือโดนแสงแดดเป็นประจำ ปัญหานี้ไม่ใช่เพียงทำให้ใบหน้าดูเหนื่อยล้า แต่ยังทำให้ความมั่นใจลดลงอีกด้วย
บทความนี้จะพาไปเข้าใจว่า ริ้วรอยใต้ตาเกิดจากอะไร และวิธีรักษาที่แพทย์มักใช้มีแบบใดบ้าง เพื่อให้คุณสามารถเลือกแนวทางที่เหมาะกับตัวเองได้มากขึ้น
ริ้วรอยใต้ตาคืออะไร ?
ริ้ววรอยใต้ตา คือ ร่องลึกหรือรอยเส้นบาง ๆ ที่เกิดบริเวณผิวใต้ตา ซึ่งเป็นผิวที่บอบบางที่สุดบนใบหน้า ผิวบริเวณนี้มีความไวต่อการสูญเสียน้ำ การเสื่อมของคอลลาเจน และการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อ เช่น การยิ้ม การขมวดตา ทำให้เกิดร่องหรือริ้วรอยได้ง่ายกว่าบริเวณอื่น
สาเหตุของการเกิดริ้วรอยใต้ตา
สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยใต้ตานั้นมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน แต่ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยแบ่งได้ 7 ปัจจัยด้วยกัน คือ
• การเสื่อมของคอลลาเจนตามอายุ : เมื่ออายุเพิ่มขึ้น เซลล์ผิวสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินลดลง ผิวจึงบางลง ยุบลง และเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น โดยเฉพาะบริเวณใต้ตาที่ผิวมีความบอบบางเป็นพิเศษ
• ผิวแห้งขาดน้ำ : การขาดความชุ่มชื้นทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น และปรากฏเป็นริ้วรอยเล็ก ๆ ได้อย่างชัดเจน ผิวใต้ตาจึงต้องการการบำรุงมากกว่าบริเวณอื่น
• พักผ่อนไม่เพียงพอ : การนอนดึกหรือพักผ่อนน้อยทำให้ผิวซ่อมแซมตัวเองได้ไม่เต็มที่ ส่งผลให้ใต้ตาดูหมองล้าและเกิดริ้วรอยง่ายขึ้น
• การแสดงสีหน้า : การแสดงออกทางสีหน้า เช่น การยิ้ม การขมวดตา การใช้กล้ามเนื้อรอบดวงตาบ่อย ๆ จะทำให้เกิดร่องลึกตามแนวกล้ามเนื้อ เรียกว่า “ริ้วรอยแบบ Dynamic”
• รังสี UV จากแสงแดด : แสงแดดทำลายคอลลาเจน ทำให้ผิวเสื่อมสภาพเร็วขึ้น หากไม่ปกป้องผิวรอบดวงตา ริ้วรอยจะเกิดง่ายกว่าปกติ
• พันธุกรรมและโครงสร้างกระดูก : บางคนมีผิวบางหรือกระดูกโหนกแก้มยุบ ทำให้เกิดเงาและร่องใต้ตาชัดเจนขึ้น ซึ่งอาจเกิดตั้งแต่อายุน้อย
• สูบบุหรี่ / ดื่มแอลกอฮอล์ : สารอนุมูลอิสระจากบุหรี่และแอลกอฮอล์เร่งการเสื่อมของผิว ลดการไหลเวียนเลือด และทำให้ริ้วรอยปรากฏเร็วขึ้น
ริ้วรอยใต้ตามีกี่ประเภท ?
แม้จะเป็นริ้วรอยใต้ตาเหมือนกัน แต่ริ้วรอยที่เกิดขึ้นใต้ตานั้นมีหลายประเภท การเข้าใจประเภทของริ้วรอยจะช่วยเลือกวิธีรักษาที่ตรงจุดมากขึ้น โดยประเภทของริ้วรอยใต้ดวงตานั้นมี 3 ประเภท ดังนี้
• ริ้วรอยขนาดเล็ก : เกิดจากผิวแห้งและขาดน้ำ เห็นชัดเมื่อยิ้มหรือใช้อารมณ์
• ริ้วรอยจากการขยับของกล้ามเนื้อ : เกิดจากการแสดงสีหน้าซ้ำ ๆ เช่น หัวเราะ ยิ้ม หรือหรี่ตา
• ริ้วรอยถาวร : เห็นได้ชัดแม้ไม่ขยับหน้า เกิดจากคอลลาเจนลดลงและผิวเสื่อมตามวัย
วิธีรักษาริ้วรอยใต้ตา
การรักษาริ้วรอยใต้ตาต้องอาศัยการประเมินจากแพทย์ เพราะแต่ละคนมีปัญหาไม่เหมือนกัน ทั้งโครงสร้างผิว ร่องลึก ระดับการยุบตัวของผิว และสุขภาพผิวโดยรวมโดยวิธีรักษาริ้วรอยที่เกิดขึ้นใต้ตาส่วนใหญ่แล้วมี 6 วิธีดังนี้
1. ฟิลเลอร์ใต้ตา
วิธีที่ช่วยเติมเต็มร่องลึก ลดเงาคล้ำ และทำให้ใต้ตาดูอิ่มฟูขึ้นทันที เหมาะสำหรับริ้วรอยที่เกิดจากร่องลึกและการยุบตัวของผิว ข้อดีคือ เห็นผลทันทีหลังทำ เติมเต็มผิวให้ดูอิ่มฟูอย่างเป็นธรรมชาติ และอยู่ได้นาน 12–18 เดือน
2. โบท็อกซ์ลดริ้วรอยรอบดวงตา
การโบท็อกซ์ช่วยลดริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา เหมาะกับริ้วรอยที่เกิดจากการยิ้มหรือขยับกล้ามเนื้อ ช่วยคลายกล้ามเนื้อ ทำให้รอยย่นลดลงอย่างเป็นธรรมชาติให้ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4–6 เดือน
3. เลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจนรอบดวงตา
เลเซอร์บางชนิด เช่น เลเซอร์ลดริ้วรอยหรือเลเซอร์กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวใต้ตาเรียบเนียนขึ้น กระชับขึ้น และสีผิวสม่ำเสมอขึ้น เหมาะกับ ริ้วรอยเล็ก ๆ ผิวใต้ตาหมองคล้ำ และปัญหาริ้วรอยแบบผิวไม่เรียบ
4. สกินบูสเตอร์หรือฉีดน้ำตบผิว
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น เพิ่มความยืดหยุ่น และทำให้ผิวใต้ตาดูสดใส เหมาะกับริ้วรอยจากผิวแห้งหรือขาดน้ำเป็นหลัก วิธีนี้จะช่วยให้ผิวเรียบเนียนชุ่มชื้น ริ้วรอยจางลงเมื่อผิวได้รับการฟื้นฟู
5. PRP ใต้ตา
วิธีนี้เป็นการใช้เลือดของคนไข้มาปั่นแยกเกล็ดเลือดเข้มข้น แล้วฉีดกลับเข้าไปใต้ตา ช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวและคอลลาเจนตามธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่มีผิวบางมีรอยย่นขนาดเล็ก และใต้ตาคล้ำจากผิวเสื่อมสภาพ
6. การดูแลตัวเองเพื่อป้องกันริ้วรอยใหม่
แม้จะทำหัตถการแล้ว การดูแลตัวเองก็ยังสำคัญมากเพื่อลดเลือนริ้วรอยใต้ตา ซึ่งวิธีดูแลตัวเอง เช่น นอนหลับให้เพียงพอ ทาครีมบำรุงรอบดวงตาเป็นประจำ เลี่ยงการขยี้ตา ใช้ครีมกันแดดรอบดวงตา และดื่มน้ำให้เพียงพอ
ริ้วรอยใต้ตาแบบไหนควรพบแพทย์
• ริ้วรอยชัดแม้ไม่ได้ขยับหน้า
• ใต้ตามีร่องลึกจนดูโทรม
• มีทั้งร่องลึกและผิวบางร่วมกัน
• เคยฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ต้องประเมินใหม่
ริ้วรอยใต้ตาสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งอายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต การแสดงอารมณ์ และผิวที่เสื่อมตามธรรมชาติ วิธีรักษาที่เหมาะสมจะแตกต่างกันในแต่ละคน ตั้งแต่ฟิลเลอร์ โบท็อกซ์ เลเซอร์ ไปจนถึงสกินบูสเตอร์หรือ PRP ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินว่าปัญหาหลักเกิดจากอะไร และควรใช้วิธีใดร่วมกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
หากคุณมีปัญหาริ้วรอยใต้ตาจนรู้สึกสูญเสียความมั่นใจ แนะนำให้เข้ารับการประเมินกับแพทย์เฉพาะทางที่ Dr. Ni Clinic เพื่อวางแผนการรักษาที่ปลอดภัยเหมาะกับโครงสร้างใบหน้าและปัญหาริ้วรอยใต้ตามากที่สุด